ตัวตลกที่ไม่ตลก

ตัวตลกที่ไม่ตลก

คิดอยู่นานเหมือนกันครับ ว่าจะเขียนกระทู้นี้ดีไหม เพราะแม้จะกล้าเรียกตัวเองว่านักเขียนได้เต็มปากเต็มคำ แต่ก็ไม่ใช่คนที่มีฝีมือทางการสร้างสรรค์วรรณกรรมระดับดีเลิศอะไรขนาดนั้น เพราะต้องยอมรับตรงๆ ว่าไม่เคยเรียนหรือศึกษาทางด้านนี้ตามหลักสูตรที่มีเปิดสอนกันในระบบการศึกษา อย่างเป็นเรื่องเป็นราวมาเลย
 
เอาเป็นว่าบทความชิ้นนี้เป็นการแสดงความเห็นของคนๆ หนึ่ง ที่รักในงานด้านนี้ก็แล้วกันนะครับ
 
คงสงสัยกันแล้วว่า ผมจะพูดเรื่องอะไรกันแน่ จริงๆ ก็ตามหัวข้อนั่นละครับ “ตัวตลกที่ไม่ตลก” ซึ่งมันสืบเนื่องมาจากเมื่อไม่นานมานี้ ผมได้มีโอกาสพาแฟนไปดูหนังเรื่องหนึ่ง จากหัวข้อกระทู้คงเดาได้ไม่ยากว่าผมไปดู “โจ๊กเกอร์” มานั่นเอง
 
หลายท่านคงทราบกันดี ก่อนที่ผมจะมาสนใจงานเขียนนั้น ผมเป็นคนหนึ่งที่คลั่งไคล้หนังซุปเปอร์ฮีโร่มาก ถึงขนาดสามารถเรียกได้ว่าเป็นสาวกระดับเดนตายเลยก็ไม่ผิดนัก เรื่องไหนมาต้องหาโอกาสดูทุกเรื่อง ไม่ว่าจะติดงานเยอะแยะมากมายขนาดไหนก็ตามที ตัวละครตัวโปรดผมคือ “สไปเดอร์แมน” อย่างที่ทราบกันดีนั่นละครับ
 
แล้ว... “โจ๊กเกอร์” มันมีอะไรเกี่ยวข้องกับงานเขียน ถึงขนาดทำให้ผมอยากมาตั้งกระทู้นี้ ถ้าว่ากันตามจริงแล้ว ผมอยากแยกเป็นสองประเด็นหลักๆ นะครับ อย่างแรกคือความรู้สึกที่ได้ดู ต่อมาเป็นเรื่องรายละเอียดในการสร้างตัวละคร ซึ่งอย่างหลังนี่แหละมันเกี่ยวกับงานเขียนเต็มๆ
 
ก่อนจะพูดถึงประเด็นแรก จะไม่ให้พูดถึงหนังอีกเรื่องคงไม่ได้ เพราะคิดว่าคงปฏิเสธไม่ได้ว่า “โจ๊กเกอร์” ที่กำลังเป็นกระแสไปทั่วโลกอยู่ขณะนี้นั้น ส่วนหนึ่งได้รับอิทธิพลมาจากหนังเรื่องนี้ครับ “แบทแมนอัศวินรัตติกาล” ถ้าใครได้ดูคงพอจะทราบกันดีว่า ตัวร้ายของภาคที่กล่าวถึงก็คือ “โจ๊กเกอร์” นี่ละครับ และ...ถ้าเป็นคอหนังขึ้นมาอีกนิดก็จะรู้ว่า “คุณฮีท เลดเจอร์” ที่ได้เล่นบทโจ๊กเกอร์ขณะนั้น ได้ออสการ์ดารานำชายไปอย่างที่คนทั้งโลกต้องคารวะในการแสดงเลย แต่ก็น่าเสียดายที่เสียชีวิตก่อนจะถึงวันประกาศรางวัล ต้องขอไว้อาลัยไว้ ณ ทีนี้ด้วยนะครับ
 
ถามว่าตอนนั้นคุณฮีทสวมบทบาทดีขนาดไหน จริงๆ ผมก็อยากตอบในเชิงข้อมูลและรายละเอียดนะ แต่กลัวมันจะยาวเกินไป เลยขอตอบเป็นปฏิกิริยาของคนในโรงหนังแทนแล้วกัน ทุกฉากที่โจ๊กเกอร์ออกมา เรียกเสียงฮือจากคนดูได้ทุกครั้ง มากกว่าตัวละครตัวไหนๆ ในเรื่องเลย คิดดูแค่นั้นละกันครับ
 
นั่นละครับเลยกลายมาเป็นต้นทางของความคาดหวังกับโจ๊กเกอร์ที่เป็นหนังเดี่ยวในปีนี้ คุณฮีททำไว้ดีมากครับ กลายเป็นโจทย์ยากของคนที่จะมารับบทเดียวกับแก ถ้าทำได้ดีก็เปรี้ยงปร้างแน่นอน แต่ถ้าตรงกันข้าม...คงไม่ต้องบอก
 
มาถึงโจ๊กเกอร์ในปีนี้กันบ้าง ปีนี้คนที่มารับบทคือ “คุณวาคิน ฟินนิกซ์” นะครับ ก็จัดว่าเป็นยอดฝีมือของวงการอีกคนหนึ่งเลย รู้สึกแกจะได้ออสการ์จากเรื่อง “Her” มานะครับ เรียกว่าไม่ด้อยกว่าคุณฮีทเลย 
 
เนื้อเรื่องของโจ๊กเกอร์ภาคเดี่ยว...ขอพูดตามความรู้สึกตรงๆ เลยนะ ผมว่าธรรมดามากๆ มันไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ แต่รายละเอียด...เขาเรียกว่าอะไรนะ ไวยกรณ์หนังไหม ส่วนนี้น่ะมันดีกว่าเนื้อเรื่อง ถ้าพูดให้ชัดๆ ก็คงต้องบอกว่า บรรยากาศมันนำพาความรู้สึกคนดู ให้คล้อยตามไปในทิศทางที่หนังอยากให้เป็น เอาง่ายๆ ว่าแฟนผมร้องไห้ทั้งเรื่องน่ะ ผมเองก็มีน้ำตาซึมๆ ไปกับหลายๆ ฉากเหมือนกัน ประมาณว่า...ชีวิตอะไรมันจะแย่ขนาดนั้น ตัวละครถูกเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตไล่ต้อนจนไม่มีทางไป ไม่มีเพื่อน ไม่มีคนปรึกษา ถ้าชีวิตผมเจอแบบนั้นผมก็คงเป็นบ้าเหมือนกัน
 
บอกเลยว่าโจ๊กเกอร์ภาคนี้ทำออกมาได้หม่นหมอง สิ้นหวังไปกับตัวละครมากๆ ตอนนี้ผมกลับไปดูตัวอย่าง เห็นฉากที่โจ๊กเกอร์เต้นลงมาจากบันได ผมว่า...มันทรงพลังมากๆ เป็นอะไรที่ต้องตราไว้ในหัวใจเลย ถ้าคิดถึงหนังเรื่องนี้ มันให้ความรู้สึกยังไงบอกไม่ถูกนะ มันปนๆ กันน่ะ เหมือนเราเอาใจช่วยเขามาตลอด ในใจหนึ่งก็รู้สึกดีใจที่เขารับมือกับชีวิตได้ แต่อีกใจมันก็หดหู่ที่เขาเลือกเดินเข้าสู่ด้านมืด
 
ในส่วนการแสดงของคุณวาคิน จะจำกัดความว่ายังไงดี “ถอดวิญญาณเล่น” เรียกแบบนั้นคงไม่สุดโต่งไป แกเล่นเอาตายน่ะ ผมว่านะ คนที่ไม่ได้สนใจการแสดงอะไรเท่าไหร่ ก็รับรู้ได้ว่าแบบนี้ มันเรียกว่าสุดยอด ยิ่งฉากที่แกมโนว่าแกได้ไปร่วมรายการทีวีของพิธีกรในดวงใจแกน่ะ แววตาแกมันออกมาจากวิญญาณเลย มันมาหมดเลยฉากนั้น มันสื่อให้เรารับรู้ได้เลย สีหน้าของความประหม่า ความตื่นเต้น แล้วแกพยายามข่มความรู้สึกพวกนั้นไว้ คือ...ยังไงล่ะ ชีวิตแกมันถ่มทุ๋ยมากน่ะ แล้วนั่นคือความฝันของแกที่ได้ไปออกรายการ แต่แกป่วยทางจิตแล้วต้องพยายาม...เป็นเหมือนคนปกติ บอกไม่ถูก มันสุดๆ จริงๆ
 
สุดท้ายเกี่ยวกับงานเขียน เริ่มจากตรงไหนดี เราได้อะไรจากโจ๊กเกอร์มาใช้บ้าง คือ...ผมว่าเรารู้จักตัวละครตัวนี้มานานมาก แต่รู้จักในแง่ว่า มันบ้า มันชั่วร้าย เป็นอาชญากรอันตราย แต่เราไม่เคยคิดมาก่อนว่า ทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ ผมว่าเรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ดีมากเลย ในการตีความแล้วสร้างตัวละคร มันมีที่ไปที่มา ไม่ใช่เขียนนิยายหรือเรื่องสั้นอะไรต่างๆ ก็แค่มีพระเอกกับผู้ร้าย ตัวโกงมันก็ชั๊วชั่ว แต่ไม่รู้ทำไมมันชั่ว ตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่มีใครรู้ รู้แค่ว่ามันถูกฝ่ายพระเอกจัดการตอนท้ายเรื่องแค่นั้น
 
แล้วอีกอย่างหนึ่งที่ผมคิดว่าน่าสนใจ บุคลิกของตัวละคร คุณวาคินจัดเต็มมากนะครับ ช่วงแรกของเรื่องนี่ “จ๋องมาก” ต้องใช้คำนี้ ไม่ว่าจะท่ายืน ท่าเดิน แววตา จังหวะก้าวเท้า พวกนี้ถ้าเราสามารถบรรยายออกมาเป็นตัวหนังสือได้ คุณว่าคนอ่านจะจมดิ่งกับมันขนาดไหน แล้วตอนหลังที่เข้าสู่ด้านมืดกลายเป็นโจ๊กเกอร์เต็มตัว บุคลิกไปอีกอย่างเลยครับ น่ากลัวทุกๆ การกระทำ คือเดาไม่ออกว่ามันอยากจะฆ่าใครตอนไหน หวาดระแวงทุกลมหายใจ 
 
วันนี้เอาแค่นี้ละกัน ว่าจะเขียนยาวกว่านี้ พอดีได้เวลาออกไปทำธุระแล้วครับ
 
มาร่วมแสดงความเห็นกันได้นะครับ เห็นต่างเห็นตรงไม่ว่ากัน
 
ขอให้มีความสุขกับการอ่านทุกท่านครับ...^^

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ปล. ขอแก้คำหนึ่ง "ถ่มทุ๋ย" เพราะระบบไม่ยอม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่